หลังจากประกาศจะคืนคำมั่นต่อหน้าทุกคนในลานกลางหมู่บ้าน
ชื่อของลี่เหมยกลายเป็นทั้ง แสง และ เงา ในเวลาเดียวกัน
บางคนมองเธอด้วยความหวัง
แต่บางคน—มองเธอด้วยความกลัว...และเกลียด
ในเงาหลังคาเรือน
“พวกเขา” เริ่มรวมตัวใต้เงามืดของบ้านไม้เก่าแก่ในหมู่บ้าน
ชายชราในชุดผ้าดิบคลุมไหล่พึมพำเสียงเบา
เสียงไฟตะเกียงลั่นเปรี๊ยะกลางวงคนราวสิบชีวิต
> “มันเริ่มแล้ว...
ถ้าปล่อยให้เด็กคนนั้นฟื้นพันธสัญญา
คำสาปที่พวกเราผูกมัดไว้เมื่อศตวรรษก่อนจะกลับมาเล่นงานเราแน่”
หญิงชราผู้หนึ่งกัดฟันแน่น
> “อย่าลืมสิ ว่าคนที่ทำให้แม่ข้าเสียคือ ‘ดอกไม้นั่น’…”
อีกเสียงหนึ่งโพล่งขึ้น
> “เราต้องหยุดพิธีนั้น ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม”
กลุ่ม “ผู้เฝ้าเงา” เริ่มเดินเกม—ในความเงียบและเงามืด
ลี่เหมยในเช้าวันที่เงียบเกินไป
เช้าวันถัดมา หน้าบ้านของลี่เหมยเงียบผิดปกติ
ร้านค้าริมทางที่เคยมีคนทักเธอ ต่างหันหลังให้
ข้าวเช้าก็ไม่มีคนส่งมาเหมือนทุกวัน
แม่ค้าเจ้าเดิมยกตะกร้าไปอีกทาง ไม่แม้แต่สบตา
เสียงซุบซิบเริ่มชัดขึ้น...และรุนแรงขึ้น
> “แม่เธอก็เคยพยายามจะเปลี่ยนหมู่บ้านนี่ สุดท้ายก็ถูกสาป”
“เธอมันเลือดเดียวกัน...คิดว่าพันธสัญญาเก่าจะให้อภัยหรือไง”
ลี่เหมยก้มหน้า เดินผ่านตลาดด้วยหัวใจที่หนักขึ้นทุกย่างก้าว
ชายหนุ่มพยายามเดินเคียงข้าง แต่ก็เริ่มโดนหางเลขของความรังเกียจนั้นเช่นกัน
กลางสายฝนที่ไม่มีใครรอ
บ่ายนั้นฝนตก ลี่เหมยนั่งใต้ชายคาเก่า ห่มผ้าเพียงบาง ๆ
ผู้คนเดินผ่านไปมา แต่ไม่มีใครยื่นมือมาให้ผ้าห่ม หรือถามว่าเธอหนาวไหม
มีเพียง “ตาเฒ่าหลิว” ที่เคยเล่นหมากล้อมกับแม่เธอ
หยุดเดินเล็กน้อย ก่อนจะพูดเสียงเบาโดยไม่มองหน้าเธอ
> “เมื่อคนไม่ยอมลืม…แม้แต่ความรักก็กลายเป็นภัย”
แล้วเขาก็เดินจากไป ทิ้งคำพูดนั้นให้ฝังในใจลี่เหมย
คืนนั้น: กล่องลับใต้บ้าน
ในความสั่นคลอน ลี่เหมยตัดสินใจรื้อของใต้บ้านเก่า
มือเธอสั่นเมื่อพบ “กล่องไม้ผูกผ้าสีเลือดหมู” ฝังในพื้นดิน
เปิดออก—ภายในคือบันทึกแม่
และภาพเก่า…ที่แม่ยืนร่วมกับหญิงในชุดตงหลัว ผู้มีดวงตาเหมือนเธอ
ด้านหลังภาพ มีคำเขียนสั้น ๆ
> “หากข้าไม่อาจเปลี่ยนคนทั้งโลก…
อย่างน้อยข้าขอเปลี่ยนคำสาปในใจตัวเอง”
ลี่เหมยเงยหน้ามองเพดานไม้เก่า น้ำตาไหลออกมาเงียบ ๆ
เธอเริ่มเข้าใจ...สิ่งที่แม่เธอต่อสู้อยู่เงียบ ๆ มาทั้งชีวิต
คือ “กลุ่มคนที่ไม่เคยยอมลืม” เช่นกัน