ลี่เหมยเงยหน้ามองเพดานไม้เก่าที่มีรอยร้าวเป็นทางยาว เส้นใยแมงมุมเล็ก ๆ ไต่ช้า ๆ บนคานไม้ที่คดโค้งเหมือนแผนที่ชีวิตของคนในบ้านหลังนี้ น้ำตาเธอไหลลงมาช้า ๆ โดยไม่มีเสียงสะอื้น ไม่มีคำพร่ำบ่น มีเพียงความเข้าใจอย่างเงียบงัน…ที่กัดกินหัวใจ
> “แม่ไม่เคยพูด” “แต่แม่ต่อสู้อยู่ตลอด…ด้วยวิธีของแม่เอง”
ลี่เหมยหลับตา ซึมซับความรู้สึกที่แล่นเข้ามาไม่หยุดราวกับฝนพรำลงมาจากเพดานบิ่นนั้น เธอเห็นภาพแม่ที่ยิ้มให้ทุกวันแม้ข้าวในถ้วยจะไม่เคยพอ เห็นแม่ที่ใช้ฝ่ามือด้าน ๆ ลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน แม้ปลายนิ้วของแม่จะเจ็บจากการเย็บผ้าแทบไม่เว้นวัน
แม่ไม่เคยเล่าเรื่องพ่อให้ฟังมากนัก แม่ไม่เคยอธิบายว่าทำไมถึงไม่อยากให้เธอกลับไปหาญาติฝั่งนั้น แม่ไม่เคยว่าใครเลย…แม้แต่คนที่เคยเหยียบย่ำ
เพราะแม่รู้ว่า “การจดจำ” บางอย่าง…ก็เป็นแผลที่ไม่ควรเปิดซ้ำ
> “แต่แม่ก็ลืมไม่ได้ใช่ไหม…” “หนูก็ด้วย”
ลี่เหมยพึมพำเบา ๆ กับตนเองในความเงียบ สะอื้นในใจอย่างไม่อาจห้าม เมื่อได้เข้าใจว่าภายในความนิ่งสงบนั้นมีพายุมากแค่ไหน
เสียงไม้ลั่นเอี๊ยดเบา ๆ จากพื้นด้านนอกดังขึ้น เธอหันไปเห็นเด็กหญิงตัวเล็กที่เธอเคยสอนวาดรูป กำลังยืนอยู่หน้าห้องอย่างลังเล
“พี่ลี่เหมย… คุณยายเรียกค่ะ” เด็กหญิงพูดเบา ๆ
ลี่เหมยสูดลมหายใจลึก กลั้นน้ำตา แล้วพยักหน้า
“ขอบใจนะ หนูวาดสะพานเสร็จหรือยัง?” เธอยิ้มบาง ๆ ทั้งน้ำตาที่ยังไม่แห้ง
“ยังเลยค่ะ หนูรอให้พี่เหมยไปดูด้วย”
ลี่เหมยลุกขึ้น เดินออกจากห้องช้า ๆ ราวกับทิ้งน้ำหนักแห่งอดีตไว้เบื้องหลังบานประตูไม้เก่า