WebNovels

Chapter 2 - แผนที่ของแบงค์ (Bank map)

บทที่1: ระเบียบทุกเช้า

นาฬิกาปลุกยังไม่ทันดัง แบงค์ก็ตื่นขึ้นมาด้วยความเคยชิน

ท้องฟ้ายังไม่เปลี่ยนจากสีน้ำเงินเข้ม เขาลุกจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟันเหมือนเดิมทุกวัน

ห้องน้ำบ้านเขามีไฟนีออนสีขาวที่สว่างจ้าและเย็นเยียบ ทำให้เขามองเงาตัวเองในกระจกได้ชัดเจนเกินไป

 

ใบหน้าที่ไม่อยากมองนานเกินห้าวินาที

ดวงตาที่ดูปกติแต่ซ่อนบางอย่างเอาไว้

เส้นผมที่จัดยังไงก็ไม่เคยดูดีพอในสายตาพ่อ

 

"รีบลงมากินข้าว" เสียงแม่ตะโกนจากชั้นล่าง

แบงค์สวมเสื้อนักเรียน ติดกระดุมอย่างตั้งใจ กางเกงรีดเป๊ะ เข็มขัดไม่มีรอยพับ

เขาตรวจเช็กหน้าตัวเองในกระจกอีกครั้งก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วเดินลงไป

 

ที่บ้านเขา ความเงียบไม่ได้แปลว่าอบอุ่น

แต่คือระเบียบที่ไม่มีใครกล้าทำลาย

และทุกเช้าก็เป็นแบบนั้น—ตลอดมา

 

บทที่2: เพื่อนที่หัวเราะได้เสมอ

แบงค์เป็นคนประเภทที่ใครเจอก็พูดว่า "เฮ้ย ไอ้นี่มันฮาดี"

เขารู้ว่าจะพูดอะไรให้คนทั้งห้องหัวเราะ แม้ในวันที่ครูอารมณ์ไม่ดีหรือข้อสอบยากจนเด็กหลายคนหน้าเครียด

เขาโยนมุก สร้างเรื่องเล่น ชวนคนรอบข้างหัวเราะ

แม้กระทั่งอาจารย์ฝ่ายปกครองก็ยังเคยเรียกเขาว่า "ตัวสร้างบรรยากาศ"

 

แต่ไม่มีใครรู้ว่าหลายครั้งเขากลับบ้านด้วยความรู้สึกว่างเปล่า

ไม่มีเสียงหัวเราะใดตามเขากลับมาด้วย

เหมือนทุกครั้งที่เขาทำให้คนอื่นยิ้ม เขาฝังเศษเล็ก ๆ ของตัวเองไว้ในรอยยิ้มนั้น

 

เขาไม่ใช่คนเก่งที่สุดในห้อง แต่พยายามมากที่สุดในแบบที่ไม่มีใครเห็น

เพราะต่อให้เขาไม่ได้อยากหัวเราะเสมอ เขาก็รู้ว่า...

คนแบบเขาไม่มีสิทธิ์จะเงียบ

บทที่3: ที่บ้านไม่ต้องพูดเยอะ

โต๊ะกินข้าวมีอาหารวางเรียงอยู่เสมอ—อุ่น ร้อน สะอาด

แต่ไม่มีใครถามกันว่าวันนี้เหนื่อยไหม หรือมีเรื่องอะไรในใจ

 

พ่อเปิดทีวีข่าว เสียงผู้ประกาศเล่าข่าวการเมืองกับเศรษฐกิจเสียงดังกลบการสนทนา

แม่ตักข้าวให้เงียบ ๆ น้องสาวนั่งข้าง ๆ ก้มหน้าเล่นมือถือ

 

"คะแนนฟิสิกส์เท่าไหร่" พ่อถามขึ้นมาทันทีที่ได้จังหวะ

"เก้าสิบแปดครับ" แบงค์ตอบอย่างระมัดระวัง

"ดีแล้วลูก" พ่อพูด ขณะยังไม่ละสายตาจากจอทีวี

 

ไม่มีคำชื่นชม ไม่มีคำถามเพิ่มเติม ไม่มีรอยยิ้ม

มีเพียงความคาดหวังที่ล่องลอยอยู่ในอากาศอย่างมองไม่เห็น

มันหนักกว่าเสียงตำหนิ

และลึกกว่าเสียงดุ

 

แบงค์ไม่รู้ว่าความเงียบในบ้านเขามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่

แต่ตอนนี้มันกลายเป็นกำแพงที่หนากว่ากำแพงจริง ๆ ไปแล้ว

 

บทที่4: ระหว่างบรรทัด

สมุดโน้ตวิชาวิทยาศาสตร์ของแบงค์มีการจดละเอียด

เขียนหัวข้อ ใส่ไฮไลต์ มีสรุปย่อและรูปวาดประกอบ

ใครดูจะคิดว่าเป็นของนักเรียนที่มีเป้าหมายชัดเจน

 

แต่ระหว่างหน้าบันทึก มีข้อความที่ไม่มีใครเห็น

เขียนด้วยดินสอจาง ๆ หรือไม่ก็ปากกาหมึกบางเฉียบ

บ้างเป็นคำถาม บ้างเป็นบทสนทนาทางเดียว บ้างเป็นประโยคที่เขาไม่กล้าพูด

 

"การที่เราเรียนดี มันแปลว่าเรามีความสุขหรือเปล่า?"

"ถ้าฉันบอกพ่อว่าไม่อยากเป็นหมอ พ่อจะฟังมั้ย"

"เราเลือกเส้นทางเองจริง ๆ หรือแค่เดินตามคนอื่นไปเรื่อย ๆ เพราะกลัวหลง?"

 

บางวันเขาเขียนแค่ประโยคเดียวแล้วปิดสมุด

แต่ประโยคนั้นติดอยู่ในหัวไปทั้งวัน

 

บทที่5: ประโยคที่อยากพูดแต่พูดไม่ได้

ในคาบสังคมวันนั้น ครูให้เปิดหนังสือที่ไม่มีใครสนใจ

ภูนั่งอ่านแบบตั้งใจ แบงค์นั่งเล่นปากกาแบบไร้จุดหมาย

 

"แกเคยแบบ... รู้สึกว่าไม่รู้จะเก่งไปทำไมมั้ยวะ"

แบงค์ถามออกไปแบบไม่มองหน้าภู

 

"ก็เก่งแล้วมันไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ อะ"

"พ่อก็บอกแค่ 'ดีแล้วลูก' ครูก็บอกให้พยายามต่อ แต่ไม่มีใครบอกว่า...เก่งแล้วไม่เป็นไรที่จะเหนื่อยบ้าง"

 

ภูนิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะพูดแผ่วเบา

"เคยดิ…"

 

คำตอบสั้น ๆ แต่เหมือนเปิดกล่องอะไรบางอย่างในใจแบงค์

มันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา

แต่มันทำให้เขารู้ว่า เขาไม่ได้บ้าไปคนเดียว

 

บทที่6: ดาดฟ้าและแดดสุดท้าย

วันศุกร์ แดดแรงจนตึกโรงเรียนร้อนฉ่า

หลังเลิกเรียน แบงค์ไม่กลับบ้านทันที แต่เดินขึ้นไปบนดาดฟ้า

 

ที่นี่ไม่มีใครขึ้นมา เวลานี้ไม่มีเสียงเด็ก ไม่มีเสียงประกาศ ไม่มีความคาดหวัง

มีแค่ลมร้อน กลิ่นฝุ่น และพระอาทิตย์ที่กำลังตก

 

เขานั่งพิงกำแพง หยิบสมุดจดออกมา

คราวนี้เขาไม่ได้เขียนสูตร ไม่ได้จดแผนอ่านหนังสือ

แต่เขาเขียนสิ่งที่ไม่มีใครสอน ไม่มีในหนังสือเรียน

 

"ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าความฝันที่ฉันพูดถึงทุกวัน มันเป็นของฉันจริง ๆ หรือของคนอื่นที่ฝากมาให้เดิน"

 

"ถ้าฉันหยุดวิ่ง ใครจะหายไปจากชีวิตฉันบ้าง"

 

เขาวางปากกา หายใจลึก

แสงสุดท้ายของวันส่องกระทบหน้าสมุดจนสีหมึกดูจางลง

แต่ความรู้สึกในนั้นกลับชัดเจนกว่าอะไรทั้งหมด

 

บทที่7: เพื่อนที่ฟังเงียบ ๆ

วันจันทร์ ภูเข้าห้องเรียนเร็วผิดปกติ

แบงค์เดินไปนั่งข้าง ๆ แล้วหยิบสมุดออกมายื่นให้

 

"ไม่ต้องพูดอะไร...แค่อ่านก็พอ" เขาพูดเรียบ ๆ

 

ภูรับสมุดไป เปิดดูหน้าหลัง อ่านเงียบ ๆ จนจบ

ไม่มีคำถาม ไม่มีคำอธิบาย

มีแค่แววตาที่อ่อนลงและมือที่ตบหลังเบา ๆ

 

"ไม่ว่าแกจะเปลี่ยนทางหรือจะหยุดเดินตรงนี้…เรายังเดินอยู่ข้าง ๆ กันนะ"

 

ประโยคนั้นไม่ยิ่งใหญ่ ไม่ซึ้งจนต้องร้องไห้

แต่มันคือครั้งแรกที่แบงค์รู้ว่า

แม้เขาจะยังไม่รู้จะเดินไปทางไหน

แต่เขาไม่ได้เดินอยู่คนเดียว

More Chapters